สมัยนี้อะไรๆ ก็แพงครับ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อย่าง “เครื่องซักผ้า” ที่ดูเหมือนจะเป็นของจำเป็น แต่ราคามือหนึ่งก็ชวนลังเลไม่น้อยตอนนั้นผมเองก็คิดไม่ต่างกันครับ… จะซื้อของใหม่ก็เกรงใจเงินในบัญชี จะซื้อมือสองก็กลัวว่าใช้งานไม่ทน เสียกลางคันขึ้นมาจะคุ้มหรือเปล่า?
สารพัดคำถามวนอยู่ในหัว เช่น
“พังง่ายรึเปล่า?”
“จะเสียงดังไหม?”
“จะได้ใช้กี่เดือน?”

แต่สุดท้าย… ผมตัดสินใจลองซื้อ เครื่องซักผ้ามือสอง มาใช้ดูสักตั้ง แล้วตอนนี้ผ่านมา ครบ 1 ปีเต็ม บอกเลยครับว่า มันดีเกินคาด! บทความนี้ผมเลยอยากมาเล่าให้ฟังแบบไม่มีกั๊กครับ ว่าจากความลังเลตอนแรก มันกลายมาเป็นประสบการณ์ที่คุ้มสุดๆ ยังไงบ้าง ใครที่กำลังสองจิตสองใจอยู่ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นครับ

ทำไมถึงเลือกเครื่องซักผ้ามือสอง?

ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องซักผ้ามือสอง บอกตรงๆ ว่าใจหนึ่งก็กล้า อีกใจก็ยังแอบกลัว คำถามวนในหัวเยอะมากครับ ทั้ง “จะคุ้มไหม?” “ใช้งานได้แค่ไม่กี่เดือนรึเปล่า?” แต่พอมานั่งคิดดีๆ แล้ว ลองพิจารณาหลายปัจจัย สุดท้ายก็เลือกเดินสายประหยัด! แล้วมันเวิร์กจริงๆ ครับ มาดูกันครับว่าอะไรทำให้ผมตัดสินใจเลือกเครื่องซักผ้ามือสองตั้งแต่แรก

  1. งบประมาณจำกัด แต่อยากได้ของจำเป็นที่ใช้ได้จริง

ช่วงนั้นเพิ่งย้ายหอใหม่ครับ รายจ่ายพุ่งแรง แต่ “เครื่องซักผ้า” มันเป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้ จะให้ซักมือทุกวันก็ไม่ไหว ของใหม่ราคาหลักหลายพันถึงหมื่น เลยเริ่มมองหาทางเลือกที่เบากระเป๋ากว่า
เจอเครื่องซักผ้ามือสองที่ราคาแค่พันต้นๆ เท่านั้น เลยเริ่มสนใจครับ

  1. เล็งแบรนด์ดัง มือสองที่ยังดูดี ใช้งานได้อีกนาน

ผมตั้งใจหาเครื่องที่ยังดูใหม่ สภาพดี และเป็นแบรนด์ที่รู้จัก เช่น Samsung, LG หรือ Toshiba
เพราะเชื่อว่าของแบรนด์พวกนี้ ถึงจะเป็นมือสอง แต่ยังไงก็น่าเชื่อถือกว่าของโนเนม เจอร้านที่ลงรายละเอียดชัด บอกรุ่น บอกสเปก พร้อมภาพจริง เลยกล้าตัดสินใจมากขึ้นครับ

  1. เห็นรีวิวจากคนอื่นแล้วมั่นใจขึ้น

อีกอย่างที่ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นคือ… “รีวิวจากคนซื้อจริง” ทั้งในเพจร้านและ Marketplace มีคนบอกว่า “ใช้มา 6 เดือนแล้ว ยังโอเคมาก” หรือ “คุ้มกว่าซักร้านแน่นอน” พอเห็นเสียงตอบรับดีหลายคน เลยลองตามรอยดูบ้างครับ

 

เช็กอะไรบ้างก่อนตัดสินใจซื้อ

ตอนที่ผมเริ่มสนใจเครื่องซักผ้ามือสอง ยอมรับตรงๆ ว่ากล้าๆ กลัวๆ ครับ กลัวได้ของที่ใช้งานได้ไม่กี่เดือน หรือพังกลางทางแบบไม่ทันตั้งตัว แต่สุดท้ายแล้ว…ผมเจอเครื่องที่ใช้งานดีมาเกินปี เพราะผม “เช็กก่อนซื้อ” อย่างรอบคอบครับ ใครที่กำลังมองหาเครื่องซักผ้ามือสองอยู่ ผมอยากชวนมาดู 3 อย่างที่ผมใช้เช็กก่อนตัดสินใจซื้อจริง ไม่ใช่ขั้นตอนยากอะไร แต่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าและลดความเสี่ยงได้เยอะเลยครับ

  1. ดูสภาพตัวเครื่องภายนอก

  1. ทดสอบระบบปั่นและล้าง

  1. เช็กการรับประกันจากร้าน

ใช้งานจริงเป็นยังไง? ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

หลังจากที่ผมตัดสินใจซื้อเครื่องซักผ้ามือสองมาใช้ที่หอ ตอนนั้นก็แอบลุ้นเหมือนกันครับว่าจะอยู่กับมันได้นานแค่ไหน แต่พอผ่านมา 1 ปีเต็ม ผมพูดได้เต็มปากเลยว่า… “ไม่ผิดหวังเลยครับ!”
ใช้งานจริงเป็นยังไง ลองมาดูแบบข้อๆ กันเลยครับ

  1. ซักอาทิตย์ละ 2–3 ครั้ง ใช้งานต่อเนื่องไม่เคยงอแง

ผมใช้งานแบบเรื่อยๆ ซักผ้าอาทิตย์ละ 2–3 ครั้ง ทั้งเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ไม่ว่าจะรอบล้างหรือลีดน้ำออก เครื่องก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีงอแง ไม่เคยเจออาการกระตุก ดับกลางอากาศ หรือซักไม่หมุนเลยครับ

  1. ไม่ต้องซ่อมเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ผ่านไปเป็นปี เครื่องยังไม่เคยต้องเรียกช่าง ไม่เคยต้องเปิดฝาเช็กอะไรเลยครับ ถือว่า “โชคดี + เช็กดีตั้งแต่ก่อนซื้อ” ใครที่กลัวว่ามือสองจะซ่อมบ่อย บอกเลยว่าผมเจอกลับกันครับ

  1. ประหยัดน้ำ ประหยัดไฟกว่าที่คิด

ตอนแรกแอบกังวลว่าเครื่องเก่าอาจกินไฟ กินน้ำ แต่พอเช็กค่าไฟในแต่ละเดือนแล้ว แทบไม่ต่างจากตอนยังไม่มีเครื่องซักผ้าเลยครับ แถมน้ำก็ใช้น้อย เพราะเครื่องมีระบบเซนเซอร์ระดับน้ำอยู่แล้ว ประหยัดได้แบบไม่ต้องพยายาม

  1. เสียงเงียบกว่าที่คาด ไม่รบกวนข้างห้อง

อันนี้คืออีกหนึ่งเรื่องที่แอบกลัวตอนแรก เพราะผมอยู่หอพัก แต่พอใช้จริงแล้ว เสียงเวลาปั่นแทบไม่ได้ยินจากนอกห้องเลยครับ ขนาดเพื่อนที่มาหายังถามว่า “ซักผ้าอยู่เหรอ? เงียบจัง!” บอกเลยว่า เกินความคาดหวังไปเยอะ

ข้อดี-ข้อเสียที่พบจากการใช้งาน

หลังจากอยู่กับเครื่องซักผ้ามือสองมาครบปี ผมขอสรุปแบบตรงๆ ไม่เข้าข้างใครเลยครับว่า
ของมือสองก็มีทั้งมุมที่ประทับใจ และมุมที่ต้องทำใจนิดหน่อยเหมือนกัน มาดูกันครับว่าอะไรที่ “ใช่เลย” และอะไรที่ “เอ๊ะ…นิดนึง” จากการใช้งานจริงของผม

ข้อดี: ใช้แล้วปลื้ม

  1. ราคาถูกกว่าของใหม่เกินครึ่ง

    ตอนนั้นผมได้เครื่องซักผ้ามาในราคาแค่พันกว่าบาท เทียบกับเครื่องใหม่ที่รุ่นใกล้เคียงกัน ราคาอยู่ที่ 4–5 พันบาท ประหยัดเงินไปแบบเห็นๆ เหลือเงินไว้กินข้าวอีกหลายมื้อครับ

  2. ใช้งานได้เหมือนใหม่ ไม่มีปัญหาใหญ่

    1 ปีที่ผ่านมา เครื่องซักได้ดี ไม่มีงอแง ไม่ต้องซ่อม ปั่นผ้าได้แห้งเหมือนของใหม่ แค่เช็กดีๆ ก่อนซื้อก็คุ้มมากครับ

  3. เหมาะกับคนอยู่หอ/เช่า ไม่อยากลงทุนเยอะ

    ผมเป็นคนที่ย้ายที่อยู่บ่อย ถ้าจะซื้อของใหม่ก็กลัวขนย้ายลำบาก ของมือสองราคาย่อมเยา ใช้งานช่วงสั้นๆ ก็ยังไม่เสียดายครับ

ข้อเสีย : ที่ต้องทำใจไว้นิดนึง

  1. หน้าตาอาจไม่ปิ๊งเหมือนของใหม่

    จะหวังว่าเครื่องจะขาวจั๊วะเหมือนพึ่งแกะกล่องก็อาจจะยากนิดนึงครับ ของผมมีรอยขีดนิดๆ กับสีที่เหลืองบ้าง แต่ใช้งานได้ก็โอเคแล้วครับ

  2. ต้องตรวจเช็กเองให้ละเอียดก่อนซื้อ

    ตอนเลือกซื้อ ผมต้องไปดูเครื่องจริง ลองเปิด ลองปั่น ลองฟังเสียง ไม่เหมือนของใหม่ที่แค่แกะกล่องก็มั่นใจได้ ดังนั้นมือสองต้อง “ขยันเช็ก” และใจเย็นในการเลือกครับ

 สรุป

หลังจากใช้เครื่องซักผ้ามือสองครบ 1 ปีเต็ม บอกเลยครับว่า “ของมือสอง ถ้าเลือกดี มันก็ไม่งอแงเหมือนที่หลายคนกลัว” ผมเองก็เริ่มจากความลังเล แต่สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่นก็คือ เลือกร้านที่ไว้ใจได้ ,  เช็กเครื่องรอบคอบก่อนซื้อ และเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง ใช้งานง่าย ผลลัพธ์คือ… คุ้มมากครับ! สำหรับใครที่มีงบจำกัด หรือลังเลว่าจะเริ่มจากของชิ้นไหนดี ผมแนะนำเลยว่า “เครื่องซักผ้ามือสอง” คือจุดเริ่มต้นที่ดีมากๆ ใช้งานได้จริง ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นเยอะเลยครับสุดท้ายนี้… มือสองไม่ได้แปลว่าแย่ครับ แค่รู้จักเลือก ค่อยๆ ดูรายละเอียด และถามให้ชัดก่อนซื้อ คุณก็สามารถประหยัดได้แบบมีคุณภาพ!  ลองเปิดใจดู แล้วคุณอาจจะตกหลุมรักของมือสองเหมือนผมก็ได้ครับ  คุณสามารถอ่านบทความอื่นๆที่เป็นประโยชน์ได้ที่ ตู้เย็นมือ2.com ได้เลยนะครับ

 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *